ตั้งประเด็นกันหน่อย : น้ำมันออกเทนสูง ทำให้รถแรงได้จริงเหรอ ถ้าไม่ปรับแต่ง

[iYakumo]

สงสัย ว่า ถ้าหากว่าเติมน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงๆ เข้าไปโดยที่รถ ถูกออกแบบให้ใช้น้ำมันที่มีค่าออกเทนตำเช่น รถ CIVIC DIMENSION ออกแบบมาให้ใช้ ออกเทน 91 ไปเติม 95 เข้ามันจะทำให้แรงขึ้นหรือป่าว หรือว่า เติมแล้วได้ประโยชน์ด้านไหน

เริ่มสงสัย เพราะว่า ออกเทน ที่สูงขึ้น ถ้าหากไม่ได้ปรับแต่งการจุดระเบิดก็อาจจะไม่ได้สามารถใช้ประสิทธิภาพของ ออกเทนได้ การที่มี ออกเทนสูง น่าจะทำให้ลดโอกาศการจุดก่อนได้ ซึ่งถ้าหากปรับแต่งการจุดระเบิดได้ก็อาจจะช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากว่า ECU ไม่ได้ สามารถปรับแต่งได้ด้วยตัวเองก็ต้องมีกล่อง Piggy Back ช่วย

ผมจึงตั้งข้อสังเกตขึ้นว่า แล้วแบบนี้จะเสียเงินเติมไปทำไมให้แพง ทั้งที่ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร หรือว่าอาจจะได้ประโยชน์ทางใจ ทำให้ Bias ตัวเองว่ามันจะดีกว่า ใครมีความเหตุ อย่างไง ช่วยกันคิดทีจ้า 


อ้างอิงจาก : http://www.sciencecenter.sru.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=5&Itemid=9


การเพิ่มออกเทนในน้ำมันเบนซิน

      เชื้อเพลิงทุกชนิดจะมีค่าออกเทนที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นเชื้อเพลงชนิดเดียวกัน เช่น น้ำมันเบนซิน ที่ประเทศไทยแบ่งออกเป็น เบนซิน 91 และ เบนซิน 95 ขณะที่ประเทศอื่นๆอาจจะมีค่าออกเทนที่แตกต่างจากนี้

  การใช้เชื้อเพลิงแต่ละชนิด ค่าออกเทนของเชื้อเพลิงจะส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ แต่ไม่ใช่ในส่วนของความแรงของเครื่องยนต์แต่อย่างใด เหมือนบางท่านที่เข้าใจผิด นำรถที่เครื่องยนต์ถูกตั้งค่ามาตรฐานให้ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน 91 แต่กลับเลือกเติม เบนซิน 95 เพราะคิดว่าจะทำให้รถแรงขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
  การใช้เชื้อเพลิงค่าออกเทนสูงกว่ามาตรฐานของเครื่องยนต์นั้น จะไม่ส่งผลต่อการสะดุด หรือการน็อคของเครื่องยนต์ แต่จะทำให้รถอืดลงเล็กน้อย ซึ่งผลนั้นออกมาตรงข้ามกับผู้ที่คิดว่าจะทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น และยังทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงมากขึ้นโดยไม่จำเป็นเพราะค่าออกเทนที่สูงเกินกว่ามาตรฐานจะทำให้มีการเผาไหม้ช้ากว่า หมดจดกว่า แต่ไม่ได้ทำให้รถแรงขึ้นแต่อย่างใด
  ส่วนการใช้เชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนต่ำกว่ามาตรฐานของเครื่องยนต์นั้น จะทำให้เกิดปัญหาเครื่องยนต์เดินสะดุด หรือเกิดการน็อคได้ เนื่องจากค่าออกเทนที่ต่ำจะมีการเผาไหม้เร็วกว่า เมื่อนำไปใช้กับเครื่องยนต์ที่มีค่ามาตรฐานสำหรับเชื้อเพลิงค่าออกเทนสูง จะทำให้เชื้อเพลิงที่ใช้เผาไหม้หมดไปก่อนที่ลูกสูบจะเคลื่อนตัวไปถึงจุดสูงสุด เมื่อเชื้อเพลิงถูกเผาไหม้หมดเร็วเกินไป ลูกสูบจะเคลื่อนตัวสวนกลับลงมาก่อนที่จะขึ้นไปสุดจึงทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ เพราะเหมือนมีแรงกระแทกลูกสูบย้อนกลับลงมา ซึ่งหากใช้เชื้อเพลิงออกเทนต่ำกับเครื่องยนต์ที่มีค่ามาตรฐานออกเทนสูงก็อาจทำให้เครื่องยนต์น็อคได้
  เพื่อการป้องกันเครื่องยนต์น็อคจึงควรใช้เชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนเหมาะสมกับค่ามาตรฐานเครื่องยนต์ แต่อีกวิธี คือ การปรับตั้งองศาการจุดระเบิดใหม่ ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างยุ่งยาก และเหมาะสำหรับใช้กับเครื่องยนต์นำเข้าที่มีค่ามาตรฐานสูงกว่าออคเทนของเชื้อเพลิงที่มีจำหน่ายในประเทศ อย่างไรก็ตามในรถยนต์ใหม่ๆบางรุ่น จะมีอุปกรณ์เซ็นเซอร์คอยตรวจจับอาการน็อคและป้องกันการน็อค โดยให้เครื่องยนต์มีการปรับองศาการจุดระเบิดให้อ่อนลงโดยอัตโนมัติ เช่น เครื่องยนต์มีค่ามาตรฐานสำหรับเชื้อเพลิง ออคเทน 98 ตั้งองศาการจุดระเบิดไว้ที่ 10 องศาก่อนศูนย์ตายบน เมื่อเติมเชื้อเพลิงออกเทน 93 ตัวเซ็นเซอร์ที่จับอาการน็อคจะส่งเครื่องยนต์ปรับองศาการจุดระเบิดใหม่เป็น 5 องศา ก่อนศูนย์ตายบน และนั่นจึงเป็นคำตอบที่หลายๆคนสงสัยว่า ทำไมคู่มือรถให้เติม 95 แต่เติม 91 ก็ไม่มีปัญหาเครื่องยนต์สะดุด ซึ่งเป็นเฉพาะคันที่มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับการน็อคของเครื่องยนต์คอยช่วยลดองศาการจุดระเบิด

[iYakumo]

Kusa Chantarasorn ผมตอบให้สองเรื่องนะครับ อันแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่า ค่าออกเทน คือค่าต้านทานการน๊อค ซึ่งจริงๆ ค่าที่มีผลต่อความแรงของเชื้อเพลิงแต่ละประเภทจริงๆคือ ค่าความร้อนของเชื้อเพลิง หรือ ค่า - HV (Heating Value) เช่น น้ำมันเบนซิน ก็จะมีค่าความร้อนมากกว่า แอลกอฮอล์ เพราะฉนั้นเมื่อเราใช้เชื้อเพลิงที่มีค่า HV ต่ำลง ก็ต้องใช้ในปริมาณที่มากขึ้น เพราะ สูตรของเชื้อเพลิง ไฮโดรคาร์บอนด์ ในการสันดาป จะเป็น CxHy + athO2 + N2 = xCO2 + yH2O + N2 อันนี้ไปหาข้อมูลเพิ่มกันเอานะครับ เรียนจบมาหลายปี คืนอาจารย์ไปส่วนนึงแล้ว

Kusa Chantarasorn ลืมบอกไปในข้อที่แล้วว่า น้ำมันเบนซิน 91 กับ น้ำมันเบนซิน 95 มีค่าความร้อนเท่ากันนะครับ

Kusa Chantarasorn ค่าออกเทน หรือค่าต้านทานการน้อค หรือ ค่าความต้านทานการชิงจุด ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจเรื่องการเผาไหม้ในกระบอกสูบซะก่อนนะครับ การเผาไหม้เนี่ยมันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่แบ่งได้เป็นขั้นตอนหลักๆ คือ ช่วงเริ่ม หรือตอนต้น เมื่อหัวเทียนจุดระเบิด ส่วนใหญ่จะเป็นตอนประมาณ 8-10 องศา ก่อน ศูนย์ตายบนหรือ BTDC คือ ลูกสูบยังเลื่อนขึ้นไม่สุด ถ้าในขั้นตอนนี้เชื้อเพลิงมีค่าออกเทนต่ำกว่า สเปคที่เครื่องยนต์ต้องการ การเผาไหม้จะเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป จนเกิดเป็นแกสร้อนขยายตัวต้านการเคลื่อนที่ขึ้นของลูกสูบ ทำให้เกิดการน้อคนั่นเอง แต่ถ้าเชื้อเพลิงมีค่าออกเทนสูงกว่า การเผาไหม้จะค่อยๆเป็นค่อยไป แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะห้องเผาไหม้ และการคลุกเคล้ากันของส่วนผสมน้ำมันและอากาศด้วยนะครับ

Kusa Chantarasorn การเผาไหม้ ตอนกลาง เป็นการเผาไหม้ช่วงที่รุนแรงที่สุด ควรจะเกิดขึ้นหลังจากลูกสูบขึ้นถึงจุด TDC แล้ว การเผาไหม้ขั้นตอนนี้จะผลักลูกสูบลงอย่างรุนแรง ซึ่งถ้าเป็นเชื้อเพลิงที่ออกเทนต่ำ จะเสียกำลังไปในช่วงแรกไปส่วนนึงแล้ว ก็จะเหลือกำลังในการเผาไหม้ที่จะผลักลูกสูบลงได้ลดลง

Kusa Chantarasorn การเผาไหม้ในช่วงสุดท้าย หรือการเผาไหม้ส่งท้าย การเผาไหม้ส่วนนี้จะเกิดขึ้นได้ เชื้อเพลิงจะต้องมีออกเทนที่เพียงพอ และมีออกซิเจนเหลือพอในกระบอกสูบด้วย การเผาไหม้ในช่วงนี้ของเครื่องเบนซิน จะเป็นช่วงการเผาไหม้ที่ส่งผลให้เครื่องยนต์มี แรงบิด หรือ ทอร์ค ออกมาได้มากที่สุด

Kusa Chantarasorn ที่ผมบอกมา ค่าออกเทนก็เหมือน ชนวนระเบิดแหละครับ ถ้าจุดในเวลาที่เหมาะสม จะส่งผลให้คายพลังงานออกมาให้อย่างเหมาะสมที่สุด

Kusa Chantarasorn จำได้แค่นี้นะครับ อย่าเชื่อผมทั้งหมด เพราะผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไหร่ แต่อาจารย์ผมสอนเก่งมาก ^^

[nano]

รอบสูงๆ 95 ดีกว่า
รอบต่ำๆ 91 ก็พอ

หรือ

ชอบซิ่งก็ 95 ขับช้าก็ 91

เป็นเรื่องของเวลาชั่วขณะ จุดระเบิด ที่รอบสูงเวลาจะแคบลงเรื่อยๆ

[jet jet]

ของผมเติม 900 ได้น้ำขวดหนึง..อิอิ  (แรงไม่แรงไม่รู้)

[ต.โต้ง]

ของผมเติม 900 ได้น้ำขวดหนึง..อิอิ  (แรงไม่แรงไม่รู้)

นี่พี่เจ็ท(จะย่อง) ผมเติม 2500 เสียน้ำหนึ่งทีอะพี่
.
.
.
เอ้าๆๆๆ นอกเรื่องซะงั้น

ตอบพี่วิณซะหน่อย
เรื่องค่าออกเทน ไม่ค่อยรู้เรื่องเลยพี่ ตอนเรียนก็เกเรไปหน่อย
ผมรู้แต่แก๊สโซฮออล์ เติมค้างถังไว้ จะระเหยไปเร็วกว่าเบนซิน 95
เจอมากะตัว เพราะรถใช้แก๊ส LPG กิ๊วๆ